1. ลักษณะหรือรูปแบบของการโหลดสินค้า ทั้งสินค้าเข้าและออก ซึ่งต้องคำนึงถึงรถที่ขนส่งสินค้าที่เข้าเทียบตัวอาคารว่าเป็นรถแบบไหน รถบรรทุก หรือรถเทเลอร์ ระดับความสูงของตัวอาคารควรจะเป็นเท่าไร เพื่อให้โหลดสินค้าได้ง่าย รวมทั้งขนาดและจำนวนของประตูม้วน (Shutter Door) ด้วย
2. ระบบระบายอากาศควรจะต้องมีมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงาน หรือการเก็บสินค้าแต่ละประเภท โดยปกติโกดังส่วนใหญ่จะติดตั้งเกล็ดระบายอากาศ (Metal Sheet Louver) ซึ่งมีราคาไม่สูงมาก และดูแลรักษาง่าย
3. เสาอาคารภายในโกดังไม่ควรจะกีดขวางพื้นที่การจัดเก็บ หรือควรจะโล่งไม่มีเสาภายในได้จะดีมาก แต่หากอาคารมีหน้ากว้างมาก ๆ (มากกว่า 30 ม.) อาจจะพิจารณาให้มีเสากลางได้ เพื่อไม่ให้ราคาโครงสร้างอาคารสูงมากเกินไป เนื่องจากภาระน้ำหนักอาคารที่เสาต้องแบกรับนั่นเอง
4. พื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่เก็บสินค้าก็มีความสำคัญ เช่นพื้นที่สำนักงาน ห้องน้ำ หรือส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องเตรียมไว้ให้เพียงพอ ปกติพื้นที่ส่วนนี้จะมีขนาดประมาณ 5% ของพื้นที่ทั้งหมด
5. ระบบแสงสว่างภายในอาคารจะต้องมีมากน้อยแค่ไหน จำเป็นต้องใช้แสงจากธรรมชาติช่วยด้วยหรือไม่ เช่น ติดตั้งหลังคาแบบโปร่งแสง Translucent Sheet ซึ่งนิยมใช้เพราะราคาไม่แพงและดูแลรักษาง่าย
6. การเชื่อมต่อและการออกแบบระบบน้ำดี น้ำเสีย และการขอไฟฟ้าเข้าตัวอาคาร สิ่งเหล่านี้สำคัญมาก เพราะหากไม่มีระบบต่าง ๆ เหล่านี้ก็ไม่สามารถใช้งานอาคารได้ การพิจารณาจะต้องพิจารณาตั้งแต่ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอาคาร และจะต้องติดต่อหน่วยงานราชการในพื้นที่ก่อนเริ่มงานก่อสร้าง
7. การวางผังและ Layout อาคาร พร้อมงานภายนอกทั้งหมด จะต้องคำนึงถึงการใช้พื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเผื่อการขยายต่อเติมอาคารในอนาตคด้วย